นวัตกรรม

 

 

ผู้มีส่วนได้เสียหลัก : ผู้ถือหุ้น / คู่ค้า / พนักงาน / ชาวไร่

 

ท่ามกลางความท้าทายของสภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลง ที่มีความผันผวน ทำให้ฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ย หรือตกน้อยในฤดูฝน สภาวะเช่นนี้ส่งผลต่อการเจริญเติบโตพืช ทำให้มีการระบาดของศัตรูพืชรุนแรงมากขึ้น และส่งผลกระทบกับเกษตรกรโดยตรง ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการลงทุนของเกษตรกรสูงขึ้น ดังนั้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากงานวิจัยจึงมีบทบาทสำคัญในแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร

 

กลุ่มมิตรผลให้ความสำคัญกับเกษตรกรชาวไร่อ้อย ยางพารา และมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นคู่ค้าคนสำคัญ จึงมุ่งมั่นในการคิดค้นนวัตกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย พัฒนากระบวนการใช้ผลิตภัณฑ์ตามธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการให้ความรู้กับชาวไร่ และพนักงาน เพื่อการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนส่งเสริมการรอดชีวิตและช่วยการเจริญเติบโตของพืชในช่วงที่สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง (Climate change) อย่างมาก จากการแพร่ระบาดของโรคพืชและภัยจากแมลงศัตรูพืช เพื่อให้เกษตรกรสามารถสร้างผลผลิตได้ ไม่เกิดความเสียหาย มีรายได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

 

 

 

แนวทางการบริหารจัดการ

 

กลุ่มมิตรผลมุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืนด้วยการมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นรากฐานขับเคลื่อนการทำงานในมิติต่างๆ การจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมและการวิจัยมิตรผล เป็นหนึ่งในความสำเร็จของการดำเนินงานวิจัยและพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซึ่งสามารถรองรับงานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพพันธุ์อ้อยและปฏิบัติการเทคโนโลยีอ้อย (Crop Production and Technology Operations) ด้านการเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์น้ำตาล (Sugar Technology and Specialty) ด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ (Bio-based Chemicals and Energy) และศูนย์ข้อมูลงานวิจัยระดับสากล (Global Sourcing for Innovation) 

 

 

 

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ

 

1. สารชีวภัณฑ์และฮอร์โมนปราบศัตรูพืช (Elicitor)

 

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศของโลก ทำให้การระบาดของโรคใบขาวในอ้อยตอ และอ้อยปลูกมีอย่างรวดเร็วและมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โรคใบขาวเกิดจากการระบาดของเชื้อแบคทีเรียชนิด Phytoplasma ทำให้ผลผลิตอ้อยลดลงอย่างมาก การใช้สารชีวภัณฑ์ Elicitor ซึ่งเป็นสารยับยั้งเชื้อแบคเทียเรีย Phytoplasma แล้ว ยังมีคุณสมบัติเป็นฮอร์โมนพืชช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต การใช้ผลิตภัณฑ์นี้จะอยู่ในรูปสารละลาย สามารถใช้ในรูปแบบของปุ๋ยทางใบด้วยการฉีดพ่นปีละ 4 ครั้ง ลดการระบาดของโรคใบขาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยกระตุ้นให้พืชสามารถทนแล้งได้นานขึ้น จากงานวิจัยในแปลงอ้อยสามารถเพิ่มผลผลิตอ้อยได้เพิ่มขึ้น 1.5 ตันต่อไร่ สารชีวภัณฑ์ Elicitor นี้จึงเป็นนวัตกรรมที่ยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน  

     

 รูปต้นอ้อยที่มีอาการของโรคใบขาว (ซ้าย) การศึกษาการใช้ผลิตภัณฑ์สารละลายฮอร์โมนปราบศัตรูพืชในโรงเรือนสำหรับการวิจัย (กลาง) และในไร่อ้อย (ขวา)

 

 

 

2. การใช้แตนเบียนไข่ในการควบคุมหนอนกออ้อย 

 

หนอนกออ้อย เป็นศัตรูอ้อยประเภทหนึ่งที่เป็นปัญหาสำคัญและระบาดรุนแรงในช่วงสภาพที่อุณหภูมิสูง ความชื้นต่ำ และสภาพอากาศแล้งจากฝนทิ้งช่วง โดยหนอนกออ้อยจะเจาะเข้าไปทำลายส่วนของโคนยอดหน่ออ้อยที่กำลังเจริญเติบโต ทำให้อ้อยไม่สามารถเจริญไปสู่ระยะย่างปล้องได้ และเกิดอาการแตกยอดพุ่ม จึงทำให้เกิดความสูญเสียน้ำหนักและความหวานลดลง ในการป้องกันและลดการระบาดของหนอนกออ้อย ได้มีการนำศัตรูธรรมชาติมาใช้ควบคุมศัตรูพืช โดยการขยายผีเสื้อข้าวสารเพื่อเป็นแมลงอาศัย (host) และการผลิตขยายแตนเบียนไข่ไตรโคแกรมมา (Trichlogramma sp.) จากนั้นจึงนำแผ่นไข่ผีเสื้อข้าวสารที่มีแตนเบียนอาศัยอยู่ไปติดใต้ใบอ้อยด้วยลวดเย็บกระดาษเพื่อปล่อยให้แตนเบียนฟักตัวและเจริญในแปลงอ้อยที่มีการระบาดของหนอนกออ้อยในระยะเริ่มต้นในพื้นที่ต้นลมที่ไม่มีฝนและลมไม่แรงมาก ทำให้หนอนกออ้อยถูกทำลายและลดการแพร่ระบาดของหนอนกออ้อยได้ ซึ่งทำให้อ้อยสามารถเจริญและให้ผลผลิตได้ต่อไป และจากการลดการระบาดของหนอนกออ้อยด้วยวิธีการใช้แตนเบียนไข่ ทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้น 4-5 ตันต่อไร่ และเป็นทางเลือกให้แก่เกษตรกรที่ไม่ต้องการใช้สารเคมีในการควบคุมแมลงศัตรูพืชได้ด้วย

 

 

3. เทคโนโลยีลิควิด นาโน เคลย์ (Liquid Nanoclay)

 

เทคโนโลยีลิควิด นาโน เคลย์ เป็นผลงานที่คิดค้นเพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งให้กลับสภาพมาเป็นพื้นที่สีเขียวที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกได้อีกครั้ง ลิควิด นาโน เคลย์เป็นผลิตภัณฑ์จำพวกสารปรับปรุงดินที่ผลิตจากอนุภาคของดินจิ๋วผสมกับน้ำ มีคุณสมบัติช่วยประสานอนุภาคดินทรายไว้ด้วยกัน ทำให้ดินทรายสามารถเก็บกักน้ำได้ดีขึ้น และลดการชะล้างของปุ๋ยได้ดีขึ้น จึงช่วยให้พืชเจริญรอดชีวิตในช่วงหน้าแล้งและเจริญเติบโตได้ดีขึ้น เมื่อนำลิควิด นาโน เคลย์มาใช้ในการปลูกอ้อยด้วยการผสมกับดินทราย จะช่วยส่งเสริมผลผลิตอ้อยได้เพิ่มขึ้น 2-3 ตันต่อไร่ และช่วยให้อ้อยสามารถไว้ตอได้นาน 3-4 ปี ซึ่งเป็นการบริหารจัดการน้ำในการเพาะปลูกพืช ช่วยให้พืชอยู่รอดในช่วงหน้าแล้งจากฝนทิ้งช่วง และช่วยลดการชะล้างของปุ๋ยได้ด้วย

 

 

4. ถ่านอัดแท่งจากเถ้าลอย

 

เถ้าลอยเป็นผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากการเปลี่ยนชานอ้อยให้เป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากโรงงานไฟฟ้าเกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงมีนวัตกรรมโดยการนำเถ้าลอยมาผสมกับกากมันสำปะหลังซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของเหลือจากการผลิตแป้งมันสำปะหลัง และอัดเป็นแท่ง ได้ถ่านอัดแท่งที่สามารถนำกลับไปใช้สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 3,700 กิโลแคลลอรี่ต่อกิโลกรัม นวัตกรรมการอัดแท่งเถ้าลอยและกากมันสำปะหลังนี้ช่วยลดการใช้ชีวมวลจากไม้และเป็นทางเลือกในการลดผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ที่เกิดจากโรงไฟฟ้าและการผลิตแป้งมันสำปะหลังได้